สุรวิทย์ ตาไธสง. ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

ครั้งหนึ่งในเวียดนาม

สารคดีการท่องเที่ยว

ครั้งหนึ่งในเวียดนาม

                  เดินทางไปกับ...สุรวิทย์  ตาไธสง
          ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Cng hòa xã hi ch nghĩa Vit Nam)  กับคณะนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นมหาบัณฑิต  จำนวน  46  คน  สาขาวิชาการบริหารการศึกษา  ห้องเรียนที่  7 
(ห้วยแถลง)  มหาวิทยาลัยอีสาน  ด้วยการนำของ  ดร.ศิริกาญจน์  ไกรบำรุง  อาจารย์ที่ปรึกษา ในระหว่างวันที่  26 30  ตุลาคม  2554
              ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกหลายแห่ง  แต่ที่คณะจะเดินทางไปศึกษาดูงานครั้งนี้เฉพาะในภาคกลาง  เช่น  พระราชวังต้องห้ามนครเว้  สุสานของพระเจ้าไคดิงห  โบราณสถานหมี่เซิน  ฮอยอัน  เป็นต้น  นอกจากนี้เวียดนามยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย  ซึ่งล้วนต่างก็เป็นที่ใฝ่ฝันของทุกคนทั่วมุมโลก  ซึ่งผู้เขียนจะนำท่านผู้อ่านท่องเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ  และสอดแทรกสาระสำคัญเพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวในคราวต่อไป

                                                           ดร.ศิริกาญจน์  ไกรบำรุง  แม่ทัพนำคณะศึกษาดูงานทีเวียดนาม                                    


                                      คณะมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยอีสาน  ห้องเรียนห้วยแถลง

ก้าวแรก..สู่เวียดนาม


อุโมงค์หวิงห์ม็อก


พระราชวังเว้  (พระราชวังต้องห้าม)

                                                               

วัดเทียนมู่

หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน


ฮอยอัน..เมืองมรดกโลก

            เมืองฮอยอัน  ซึ่งเป็นหนึ่งสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์  และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์  เรื่อง ฮอยอันฉันรักเธอ”  ปี พ.ศ. 2542 องค์กานยูเนสโกก็ได้ประกาศให้ฮอยอันเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพราะความงดงามและเก่าแก่ของบ้านเมือง รวมทั้งเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

โรงเรียน LE THI HONG GAM SECONDARY SCHOOL

                                                                        ความน่ารักของนักเรียนเวียดนาม


  ครูสาวเวียดนามกับครูหนุ่มไทย

สุสานพระเจ้าไคดิงห์

            สุสานของพระเจ้าไคดิงห เป็นสุสานเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตก  ด้วยทรงเป็นจักรพรรดิในราชวงศ์เหวียนพระองค์เดียวที่ได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส สุสานแห่งนี้สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี  พระเจ้าไคดิงห์เป็นพระบิดาบุญธรรมของพระเจ้าเบ๋าได่ ทรงครองราชย์อยู่ 9 ปี ในยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง  สุสานพระเจ้าไคดิงห์  ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนามที่กลายเป็นมรดกโลกที่เมืองเว้

                                                  

                                                    บันไดทางขึ้นสุสานไคดิงห์

                                                     ภายในสุสานไคดิงห์

                                         ด้านบนเป็นภาพมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่  (ศิลปินที่เขียนภาพด้วยเท้า)


 


                           ด้านหลังเป็นสะพานญี่ปุ่นซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง "ฮอยอันฉันรักเธอ
                                                                        เฟอร์นิเจอร์หินอ่อน
วัดเทียนมู่  ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของริมแม่น้ำหอมทางไปสุสานของพระเจ้ามิงห์หม่าง วัดแห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนานิกายเซน  จุดเด่นที่สุดของวัดแห่งนี้คือ เจดีย์ทรงเก๋ง  8  เหลี่ยม  สูงลดหลั่นกัน  7  ชั้น  แต่ละชั้นเป็นตัวแทนของชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า  ถัดมาทางด้านหลังของเจดีย์เป็นประตูทางเข้าสู่บริเวณภายในวัด  มีรูปปั้นเทพเจ้า  6  องค์ คอยยืนเฝ้าปกป้องไม่ให้ความชั่วร้ายเข้ามาเยือน
                                                    เจดีย์ทรงเก๋ง  8  เหลี่ยม  สูง  7  ชั้น
           วัดแห่งนี้เองมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมืองในช่วงยุคหลังของเวียดนาม เมื่อพระภิกษุทิกกวางหยุก เจ้าอาวาสของวัดเทียนมู่ได้ใช้รถออสตินสีฟ้าคันเล็กเป็นพาหนะไปเผาตัวเองที่กลางกรุงไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์ซิตี้ในปัจจุบัน ในช่วงสายของวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506 เพื่อประท้วงการบังคับให้ประชาชนไปนับถือศาสนาคริสต์และการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาลโงดินห์เดียมที่เป็นคาทอลิก

           พระราชวังเดิมนี้มีหลายชื่อที่คนไทยเรียกกัน  เช่น  พระราชวังหลวง นครจักรพรรดิ์ (Imperial Enclosre)  หรือพระราชวังต้องห้าม  ( The Purple Forbidden City) พระราชวังเดิมนี้สร้างในปี ค.ศ. 1805 สมัยจักรพรรดิ์ Gia Long  แล้วเสร็จในปี ค.ศ 1832 สมัยจักรพรรดิ์ Ming Mang รวมระยะเวลาก่อสร้าง  27  ปี  พระราชวังนี้สร้างตามแบบพระราชวังต้องห้ามของประเทศจีน

             อุโมงค์หวิงห์ม็อก  ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเว้  มาทางทิศเหนือราว 65 กิโลเมตร นับเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่คนทั้งหมู่บ้านอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปีเพื่อหลบภัยจากการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในสมัยสงครามเวียดนาม แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะพากันอพยพไปอยู่ในส่วนอื่นๆ ของประเทศ  แต่ก็มีชาวบ้านจำนวนกว่า 300 คน ที่ยังอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์คนรูแห่งนี้เป็นเวลากว่า  5  ปี  นับจากปี  พ.ศ.  2509-2514
                                          ทางเข้าอุโมงค์หวิงห์ม็อก

หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว  รถทัวร์ได้นำนักท่องเที่ยวมุ่งหน้าสู่ด่านลาวบาว  ออกเดินทางผ่านแขวงกวางติ  ประเทศเวียดนาม 
                                                       ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง  ลาวบาวด้านหลังเป็นฝั่งลาว

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS